ทวารบาล
ทวารบาลหรือรูปทวารบาล รูปแบบลักษณะศิลปกรรมแบบไทยประเพณี
มีที่มาจากคติความเชื่อของคนไทย อันเป็นประเพณีนิยมอย่างหนึ่งในการระวังรักษาช่องประตูเพื่อป้องกันมิให้สิ่งเลวร้ายล่วงล้ำเลยเข้าไปภายใน
ทวารบาลแปลว่า
ผู้รักษาประตู เทียบได้กับธรรมเนียมการจัดคนมาคอยอยู่และทำหน้าที่ระวังรักษาเหตุการณ์อยู่ตรงประตูทางเข้าแต่สมัยโบราณ
เรียกกันว่า "นายทวาร" หรือ"นายประตู"
แต่ลำพังนายทวารหรือนายประตู
ไม่สามารถคุ้มกันภูติผีปีศาจ คุณไสย
อาถรรพ์ต่าง ๆ อันเป็นพลังลึกลับที่มองไม่เห็นได้ จึงต้องหาวิธีแก้ไขโดยทำรูปลักษณะที่ควรสะพึงกลัวเช่นรูปอสูร
รูปกุมภัณฑ์ รูปรากษส รูปมเหศักดิ์ หรือรูปอันมีลักษณะที่ทรงไว้ซึ่งศักดานุภาพเช่นรูปเทพดาทำเป็นรูปปั้น
รูปและสลักและรูปเขียน ตั้งเคียงช่องประตู
บานประตู บานหน้าต่าง เรียกว่ารูปพยนต์ เป็นทวารบาลอย่างไทยแต่ดั้งเดิมมา
เซี่ยวกาง
ตามบานประตูทางเข้าหรือที่ซุ้มประตูวัด โบสถ์ วิหาร ศาลเจ้า
บานพระทวารพระที่นั่งหรือบานประตูตู้พระธรรมก็ดีมักจะมีภาพเขียนรดน้ำปิดทองหรืองานไม้แกะสลักปิดทองติดอยู่
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาพธรรมชาติในป่า และมีสัตว์นานาชนิดกำลังอยู่ในอากัปกิริยาต่าง ๆ
ความมุ่งหมายเพื่อเป็นการตกแต่งให้สวยงาม
แต่บางแห่งก็ทำเป็นภาพหรือไม้แกะสลักเป็นยักษ์ สัตว์เช่นสิงห์ อมนุษย์ หรือเทวดา
เป็นต้น ความมุ่งหมายเพื่อให้เป็นผู้รักษาประตู เรียกว่า ทวารบาล
สำหรับทวารบาลที่ทำเป็นภาพ หรือไม้แกะสลักเป็นเทวดาแต่มีรูปร่างหน้าตาแปลกมีหนวดเครารุ่มร่ามลักษณะท่าทีกระเดียดไปทางจีน
มีชื่อเรียกว่า เซี่ยวกาง (บางทีเขียนว่า
เสี้ยวกาง) หรือเพี้ยนไปเป็นเขี้ยวกาง จรีกาง ก็มี
"เซี่ยวกาง น. รูปทวารบาลคือผู้รักษาประตู
มักทำไว้สองข้างประตู เข้าใจว่ามาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว อ่านว่า เซ่ากัง แปลว่า ยืนยาม,
ตู้ยาม, ซุ้มยาม
ทวารบาลของจีนจึงเป็นเจ้าแห่งผีทั้งหลาย เชื่อกันว่าจะป้องกันภูติผีปีาจ
ไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปได้ ต่อมาจึงนิยมวาดรูปอวยซีจงและซินซกโป๊
เป็นทวารบาลวัดหรือศาลเจ้า เล่ากันว่าเมื่อพระเจ้าไท่จง (หลีซีบิ๋น)
แห่งราชวงศ์ถังทรงพระประชวร
ในขณะที่ทรงพระประชวรได้ทอดพระเนตรเห็นแต่ปีศาจเป็นเนืองนิจ
และให้ให้นายทหารเอกชั้นผู้ใหญ่ ๒ นาย คือ อวยซีจง และ ซินซกโป๊
มายืนเฝ้าที่หน้าห้องบรรทม จึงเป็นประเพณีนิยมในการวาดรูปอวยซีจงและซินซกโป๊ไว้สองข้างประตูวัดและศาลเจ้า"
ส่วนพระยาโกษากรวิจารย์ (บุญศรี ประภาศิริ) สันนิษฐานว่า เซี่ยวกาง
น่าจะมาจากคำว่า "จิ้นกางเสี่ยว" แล้วเรียกเพี้ยนเป็น
"เซี่ยวกาง"
ลักษณะของเซี่ยวกางไม่เหมือนเทวดาไทย คือมีหนวดเครายาว ถืออาวุธด้ามยาว
การแต่งกายผิดไปจากโขนละครของไทย
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
ทรงมีพระอธิบายไว้ในหนังสือสาส์นสมเด็จ ภาค ๔ ว่า
"อันเครื่องแต่งตัวเซี่ยวกางนั้นทำให้น่าสงสัยมาก
หากจะดูแต่จำเพาะให้น่าสงสัยมาก หากจะดูแต่จำเพาะสิ่งที่เป็นของไทยทั้งนั้น
แต่ไม่มีรูปภาพไทยอย่างอื่นแต่งตัวเหมือนอย่างนั้นเลย ท่วงทีไปทางข้างแขกหรือจีน
จึงได้ลองคลำถามพระจีนเจนอักษรดูได้ความว่า
ทางจีนจะมีรูปทำไว้ตามบานประตูเหมือนกันเรียกว่า "มิ่งซิ้น" แปลว่า เทวดารักษาบานประตู ไปทางพวกทวารปาละ เสียงไม่เข้าใกล้ เขี้ยวกาง
เซี่ยวกาง จรีกาง อย่างใดเลย"
รูปเซี่ยวกางส่วนมากจะยืนอยู่บนหลังสิงโต ตามคติของจีน
สิงโตมีหน้าที่เฝ้าตามประตูศาสนสถาน เช่น วัด โบสถ์ ศาลเจ้า
เซี่ยวกางก็มีหน้าที่อย่างเดียวกัน อิริยาบถของเซี่ยวกางโดยทั่ว ๆ ไปจะเป็นรูปยืน
มือข้างหนึ่งจับที่ปลายเครา และมืออีกข้างหนึ่งถืออาวุธ เช่น
รูปเซี่ยวกางที่ผนังซุ้มประตูพระอุโบสถวัดราชบพิธ ส่วนเซี่ยวกางที่ทำแปลกออกไปคือเซี่ยวกางที่บานประตูใหญ่วัดบวรนิเวศวิหาร
ตนหนึ่งมือซ้ายถือสามง่าม มือขวาถือกริช เหยียบบนหลังจระเข้ อีกตนหนึ่งมือขวาถือโล่
มือซ้ายถือดาบ เหยียบบนหลังมังกร
ทวารบาลในประเทศอาเซียน
ทวารบาลในประเทศมาเลเซีย
ทวารบาลในมาเลเซียโดยมากจะสลักเป็นรูปกาฬหรือกีรดิมุขหรือรูปพระอรุณแต่บาง
แห่งสลักเป็นรูปสิงห์ซึ่งเป็นผู้ฆ่าหิรัณยกศิปุเป็นเรื่องราวที่ทำให้ธรณี
ประตูกลายเป็นสื่งศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นเพราะเคยเป็นที่สถิตของนรสิงห์
ทวารบาลในประเทศลาว
ทวารบาลในประเทศลาวจะมีลักษณะมือขวากุมไม้เท้ามือซ้ายแนบหน้าอก
ชาวลาวเชื่อกันว่าทวารบาลนี้คือหินพระยากามะทาเป็นผู้ควบคุมในการก่อสร้าง
ส่วนข้อมูลของนักวิชาการทางด้านโบราณคดีระบุว่าเป็นรูปสลักของเทพทวารบาลนนทิเกศวร
ทวารบาลในประเทศกัมพูชา
ทวารบาล
ในประเทศกัมพูชา
มีความเชื่อว่านางอัปสราคือนางฟ้าหรือเทพธิดาผู้รับใช้และคอยดูแลศาสนสถาน
พวกเขาต่างยกย่องนางอัปสราเป็นเทพธิดาแห่งความดีงาม
เรื่องนี้ถือว่ามีเค้าต่อการสร้างรูปสลักนางอัปสราจำนวนมากในวัด
ทำให้เหล่าธิดาผู้ดูแลย่อมมีจำนวนมาก
ทวารบาลในประเทศพม่า
ทวารบาลพม่าแต่ละทิศบริเวณทางเข้าจะมีรูปสัตว์ในตำนานปรัมปรา2รูปเป็นครึ่ง
สิงห์ครึ่งนกทำหน้าที่เป็นทวารบาลเรียกว่าชินเต้ หรือ สีหปักษีทวารบาลและยักษ์ทวารบาลเป็นความเชื่อของชาวพม่าว่าชินเต้คือผู้ปก
ป้องรักษาและเชื่อว่าสิงห์จะคอยเฝ้ารักษาไม่ให้ใครมาทำร้ายทำอันตราย
ทวารบาลในประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเชีย
ทวารบาลสตรีมีลักษณะเป็นรูปสตรีอยู่ภายในซุ้ม
ลักษณะของทวารบาลสตรีมีพระพักตร์ค่อนข้างกลม
ทรงกระบังหหน้ามีรัดเกล้าเป็นทรงกรวยแหลมประดับแผ่นรูปสามเหลี่ยมซ้อนกัน เป็นชั้นๆ
พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว
ทวารบาลในประเทศสิงคโปร์
ทวารบาลสิงคโปร์เป็นทวารบาลสตรี
สลักจากหินทราย มีลักษระเป็นสตรียืนอยู่ในซุ้ม พระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัว ไม่สวมเสื้อ
นุ่งผ้าขาว แบบมีริ้วทั้งผืน
ทวารบาลในประเทศฟิลิปปินส์
ทวารบาลฟิลิปปินส์เป็น
ทวารบาลแบบลังกา ในยุคแรกจะเป็นรูปหม้อน้ำ หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ เรียกว่า
ปูรณฆฎะ รับอิทธิพลมาจากอินเดีย ต่อมาเปลี่ยนเป็นรูปคนแคระ 2 คน
คนหนึ่งใส่หมวกดอกบัว อีกคนใส่หมวกรูปสังข์ ต่อมาเปลี่ยนเป็นทวารบาลมนุษย์นาค
ทวารบาลในประเทศไทย
ทวารบาลไทยคน
ไทยในสมัยก่อนมีความเชื่อเรื่องผี
แต่มีการพัฒนาจากยุดเชื่อเรื่องผีก้กลายเป็นยุคนับถือเทพหรือเทวดา
ทวารบาลในประเทศไทยนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งอยู่ในรูปของอสูร เทพ เทวดา นางฟ้า
แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นอสูรคือยักษ์โดยมือทั้งสองข้างจับกระบองอยู่ตรงกลาง
ในปัจจุบันทวารบาลมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
มารเปลี่ยนแปลงลักษณะเป็นรูปแบบต่างๆ
ที่ประตูด้านหน้าวัดด้านทิศตะวันออก ฝั่งถนนเฟื่องนคร
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นวัดหนึ่งที่มีทวารบาลที่แปลกและโดดเด่น
เช่น บานประตูของวัดจะเป็นรูปทหารต่างๆ แต่งกายไม่เหมือนกันสลักติดไว้
เข้าใจว่าเป็นทหารมหาดเล็ก ซึ่งจัดตั้งมาตั้งแต่ต้นสมัยรัชกาลที่ ๕
ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเครื่องแต่งตัวหลายครั้ง จึงนำมาสลักไว้ในหลายรูปแบบ
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นวัดหนึ่งที่มีทวารบาลที่แปลกและโดดเด่น
เช่น บานประตูของวัดจะเป็นรูปทหารต่างๆ แต่งกายไม่เหมือนกันสลักติดไว้
เข้าใจว่าเป็นทหารมหาดเล็ก ซึ่งจัดตั้งมาตั้งแต่ต้นสมัยรัชกาลที่ ๕
ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเครื่องแต่งตัวหลายครั้ง จึงนำมาสลักไว้ในหลายรูปแบบ
ทวารบาลในวัดจังหวัดเชียงใหม่
ภาพทหารที่วาดเฝ้าประตูนั้น
ตั้งใจให้เป็นทวารบาลเฝ้าประตูทั้งสี่
โดยอาวุธที่ถือของทหารเฝ้าประตูทั้ง 8 คนเป็นจินตนาการของช่างวาดภาพจากทหารที่ยืนประกบช้างออกรบ
โดยให้แนวคิดไปว่าให้มีถืออาวุธประจำกายไม่ซ้ำกัน
โดยในสมัยโบราณจะเห็นว่าเป็น หอก ดาบ
มีด ตามอาวุธโบราณ แต่มีการวาดภาพทั้งปืนไรเฟิล , เอ็ม16 , เอ็ม 79 , ปืนสั้น ,
ลูกระเบิด เพื่อให้หลากหลาย เป็นอาวุธในยุคปัจจุบัน




.jpg)
.jpg)


.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น